การเขียนผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

การเขียนผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

                การเขียนเป็นเครื่องมือสำคัญหรือกลไกสำคัญอีกประการหนึ่งที่ทำให้มนุษย์สื่อสารถึงกันได้สำเร็จตามจุดประสงค์ที่กำหนดไว้ ซึ่งการเขียนสามารถทำได้หลายวิธีโดยใช้รูปแบบของสื่อเป็นเกณฑ์ในการแบ่ง ปัจจุบันสื่อต่างๆ มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ทำให้มนุษย์มีทางเลือกสำหรับการสื่อสารในชีวิตประจำวันมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งสื่ออิเล็กทรอนิกส์

๑.๑ ความหมายและความสำคัญ

                สื่ออิเล็กทรอนิกส์สามารถให้คำจำกัดความได้ ๒ ลักษณะ คือ ลักษณะที่เป็นสื่อหรือวัสดุและอีกลักษณะ คือ ช่องทางการสื่อสารของมนุษย์ การให้ความหมายในลักษณะแรก สื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Electronic media) จะหมายถึง วัสดุหรือสื่อที่บรรจุเนื้อหา แบบฝึกหัด และกิจกรรมสำหรับการเรียนการสอนในเนื้อหาบทนั้นๆ เป็นสื่อที่เกิดจากวิวัฒนาการของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ และระบบการสื่อสารโทรคมนาคม มีลักษณะเป็นสื่อประสมหรือมัลติมีเดีย (Multimedia) หลากหลายรูปแบบตามที่ผู้ผลิตได้สร้างสรรค์และบันทึกไว้ เช่น ข้อความ ภาพนิ่ง กราฟิก แผนภูมิ กราฟ วีดีทัศน์ ภาพเคลื่อนไหว เสียง เป็นต้น โดยผู้ใช้สามารถสื่อสารโต้ตอบกับสื่อบางประเภทได้ ซึ่งสื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่ใช่สำหรับการเรียนการสอนในปัจจุบัน ได้แก่ คอมพิวเตอร์ช่วยสอน (COMPUTER-ASSISTED  หรือย่อว่า CAI)

               การเรียนผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (e-learning) เป็นการศึกษาเรียนรู้ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ที่ผู้สนใจสามารถเข้าไปศึกษาหาความรู้ได้ โดยมีหลักสูตรหรือวิชาต่างๆ ให้เลือกมากมาย ในทุกๆระดับชั้น บางหลักสูตรเรียนโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่ในบางหลักสูตรอาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเรียนเพิ่มเติมส่วนหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (electronic book หรือ e-book) เป็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ ลักษณะเป็นแฟ้มข้อมูลที่สามารถอ่านได้ทางหน้าจอคอมพิวเตอร์ สาเหตุที่สื่ออิเล็กทรอนิกส์ได้รับความนิยมสำหรับการเรียนการสอนในปัจจุบันก็ด้วยประโยชน์สำคัญคือสนับสนุนการขยายโอกาสทางการศึกษาและส่งเสริมแนวคิดเรื่องการเรียนรู้ตลอดชีวิตแก่นักเรียน นักศึกษาและประชาชนผู้สนใจ 

สื่ออิเล็กทรอนิกส์ในความหายที่สอง หมายถึง ช่องทางสำหรับการสื่อสารของมนุษย์ หรือ อาจเรียกว่า สื่อสังคมออนไลน์ หมายถึง สื่อดิจิทัลที่เป็นเครื่องมือในการปฏิบัติการทางสังคม เพื่อใช้สื่อสารระหว่างกันในเครือข่ายสังคม ผ่านทางเว็บไซต์ และโปรแกรมประยุกต์บนสื่อต่างๆที่มีการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต โดยเน้นให้ผู้ใช้ทั้งผู้ส่งสารและผู้รับสารมีส่วนร่วมสร้างสรรค์ผลิตเนื้อหาขึ้นเองในรูปแบบของข้อมูล ภาพ และเสียง จากคำนิยามย่อมแสดงให้เห็นว่ากระบวนการสร้างสรรค์ดังกล่าวจะต้องมีการใช้ภาษาเขียนเพื่อการสื่อสารผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ประเภทของสื่อสังคมออนไลน์มีหลายชนิด ขึ้นอยู่กับลักษณะของการนำมาใช้ ดังนี้

                Weblogs หรือเรียกสั้นๆว่า Blogs คือ สื่อส่วนบุคคลที่ใช้เผยแพร่ข้อมูล ข้อคิดเห็น บันทึกส่วนตัว โดยสามารถแบ่งปันให้บุคคลอื่นเข้าไปอ่านหรือแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมได้ เนื้อหาจะเรียงตามลำดับจากใหม่ไปสู่เก่า เช่น Blogger, Okanation เป็นต้น

Social Networking หรือเครือข่ายทางสังคม ที่ใช้สำหรับการเชื่อมต่อเพื่อให้เกิดเป็นกลุ่มสังคม ร่วมกันแลกเปลี่ยนและแบ่งปันข้อมูลในด้านธุรกิจ การเมือง การศึกษา หรือด้านอื่นๆ เช่น Facebook, Hi5 , Linkedin, Myspace, Youmeo เป็นต้น

                

                  Micro Blogging และ Micro Sharing หรือที่เรียกกันว่า “บล็อกจิ๋ว”สำหรับให้ผู้ใช้บริการเขียนข้อความสั้นๆ ประมาณ ๑๔๐ ตัวอักษร ที่เรียกกว่า“status”เพื่อแสดงสถานะของตนเอง หรือแจ้งข่าวสารต่างๆ แก่กลุ่มเพื่อนนสังคมออนไลน์ เช่น Twitter เป็นต้น

                   Online Video ให้บริการรวีดีโอออนไลน์ ซึ่งได้รับความนิยมเนื่องจากเนื้อหาที่นำเสนอไม่ถูกจำกัดโดยผังรายการ ทำให้ผู้ใช้บริการสามารถติดตามชมได้อย่างต่อเนื่อง ตามความต้องการและเชื่อมโยงไปยังเว็บวีดีโออื่นๆที่เกี่ยวข้อง เช่น Youtube เป็นต้น

                Photo Sharing เว็บไซต์ที่เน้นการให้บริการฝากรูปภาพโดยผู้ใช้บริการสามารถอัพโหลดและดาวน์โหลดรูปภาพเพื่อนำมาใช้งานได้ และยังสามารถใช้เป็นพื้นที่เพื่อเสนอขายภาพที่ตนเองนำเข้าฝากขายได้อีกด้วย เช่น Flickr , Zooomr เป็นต้น

                Wikis เป็นเว็บไซต์ที่มีลักษณะเป็นแหล่งข้อมูล ความรู้ ซึ่งผู้เขียนอาจจะเป็นนักวิชาการ นักวิชาชีพหรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ซึ่งผู้ใช้สามารถเขียนหรือแก้ไขข้อมูลได้อย่างอิสระ เช่น Wikipedia, Google Earth, diggZy Favorites Online เป็นต้น

                Poccasting เป็นการนำสื่อต่างๆ มารวมกันในรูปของภาพและเสียง หรือการบันทึกภาพและเสียงแล้วนำมาไว้ในเว็บเพจ (Web Page) เพื่อเผยแพร่แก่บุคคลภายนอก เช่น DualGeek Podcast , Wiggly Podcast เป็นต้น

                Vitual Worlds คือ การสร้างโลกจินตนาการโดยจำลองส่วนหนึ่งของชีวิตลงไปในลักษณะโลกเสมือนจริง โดยต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซื้อพื้นที่เพื่อให้บุคคลในบริษัทหรือองค์กรได้มีช่องทางในการนำเสนอเรื่องราวต่างๆ ไปยังกลุ่มเครือข่ายผู้ใช้สื่อออนไลน์ ซึ่งอาจจะเป็นกลุ่มลูกค้าทั้งหลักและรองหรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัทหรือองค์กรก็ได้ ปัจจุบันเว็บไซต์ที่ใช้หลัก Virtuals Worlds ที่ประสบผลสำเร็จและมีชื่อเสียง คือ Second Life เป็นต้น

                Crowd Sourcing เป็นหลักการขอความร่วมมือจากบุคคลในเครือข่ายสังคมออนไลน์ มาช่วยตรวจสอบข้อมูล เสนอความคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะ กลุ่มคนที่เข้ามาให้ข้อมูลอาจจะเป็นประชาชนทั่วไปหรือผู้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ข้อดีของการใช้หลัก Crowd Sourcing คือ ทำใหเกิดความหลากหลายทางความคิดเพื่อนำไปสู่การแก้ปัญาหาที่มีประสิทธิภาพ ตลอดจนช่วยตรวจสอบหรือคัดกรองข้อมูลซึ่งเป็นปัญหาสาธารณะร่วมกันได้ เช่น IdeaStorm, My Starbucks Idea เป็นต้น

                สื่ออิเล็กทรอนิกส์ข้างต้นที่ยกตัวอย่างข้างต้น ในบางครั้งเรื่องที่สื่อสารอาจจะเป็นประเด็นส่วนตัวแต่เมื่อใดก็ตามที่ผู้สื่อสารเริ่มคิด เขียน พิมพ์ หรือ “กด เคาะ จิ้ม คลิก กด Enter บนคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์” เรื่องที่เป็นประเด็นส่วนตัว เรื่องเฉพาะบุคคล หรือเป็นความลับ ย่อมเผยแพร่ ปรากฏอยู่บนพื้นที่สาธารณะซึ่งผู้อื่นสามารถเข้าถึงได้ ดังนั้นการเขียนสื่อสารผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์จึงต้องเพิ่มความรอบคอบ ระมัดระวังในการใช้ภาษาเพื่อไม่ให้เกิดผลเสียตามมาในภายหลัง

                การเขียนเพื่อผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์จึงหมายถึง การถ่ายทอดข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็นและความรู้สึกของผู้ส่งสาร โดยพิมพ์เป็นข้อความผ่านคอมพิวเตอร์เพื่อเผยแพร่บนพื้นที่สาธารณะซึ่งเปิดกว้างสำหรับทุกคน

 ๑.๒ บทบาทของสื่ออิเล็กทรอนิกส์ในชีวิตประจำวัน

                สื่ออิเล็กทรอนิกส์ มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ตอบสนองความจำเป็นและความต้องการของมนุษย์ในด้านต่างๆ จนปัจจุบันเปรียบเสมือนส่วนหนึ่งของปัจจัยสำคัญในการดำเนินชีวิตด้วยเหตุที่เป็นสื่อซึ่งได้เปรียบในเรื่องความเร็ว ความจุของข้อมูล ความสะดวก ต้นทุน ค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่าสื่อหลายๆ ประเภท รวมถึงความหลากหลายของรูปแบบและข้อมูล ทำให้สื่ออิเล็กทรอนิกส์มีบทบาทที่สำคัญในชีวิตประจำวันของมนุษย์ในด้านต่าง ดังนี้

ด้านการติดต่อสื่อสารระหว่างบุคคล การสื่อสารระหว่างบุคคล เป็นการสื่อสารที่มนุษย์ใช้มากที่สุดในชีวิตประจำวัน เพราะเป็นการสื่อสารในลักษณะเผชิญหน้าผู้ส่งสาร คือ บุคคลตั้งแต่ ๒ คนขึ้นไป แต่ยังคงมีจำนวนไม่มากซึ่งขณะที่สื่อสารกันต่างมีบทบาทเป็นทั้งผู้ส่งสารและผู้รับสาร เช่น การสื่อสารระหว่างบุคคลที่คุ้นเคย การสนทนา การเขียนจดหมายถึงเพื่อน การโทรศัพท์ รวมไปถึงการคุยผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต การสื่อสารระหว่างบุคคลที่คุ้นเคย การสนทนา การเขียนจดหมายถึงเพื่อน การโทรศัพท์ รวมไปถึงการคุยผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต การสื่อสารระหว่างบุคคลมีความสำคัญในการสร้างสัมพันธภาพระหว่างมนุษย์ทำให้เกิดความเข้าใจอันดีต่อกัน แลกเปลี่ยนข้อมูล ร่วมกันหาทางแก้ไขปัญหา เป็นต้น ซึ่งผู้ส่งสารและผู้รับสารอาจมีความคุ้นเคยใกล้ชิดสนิทสนมหรือไม่เคยรู้จัก๑)      กันมาก่อน แต่ต้องมาอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน พื้นที่เดียวกัน หากการพูดคุยเป็นไปอย่างราบรื่นและน่าประทับใจก็ย่อมนำไปสู่การพัฒนาความสัมพันธ์ เป็นมิตรที่ดีต่อกันในอนาคต การสื่อสารที่ไม่กำหนดเรื่องราว ไม่มีการเตรียมการ ไม่เคร่งครัดเรื่องหลักภาษาในขณะสื่อสาร จึงเป็นสิ่งที่ช่วยจรรโลงสังคมมนุษย์ให้อยู่ร่วมกันด้วยมิตรภาพ

บทบาทของการสื่อสารระหว่างบุคคล                 

-สร้างความเข้าใจร่วมกัน คือ การสื่อสารที่มุ่งเน้นให้ผู้รับสารเข้าใจเนื้อหาสาระหรือข้อมูลร่วมกันอย่างถูกต้อง เช่น การสื่อสารภายในองค์กรเพื่อปฏิบัติงานร่วมกัน เป็นต้น

-สร้างความชื่นชอบ คือ การสื่อสารที่ไม่สื่อสารเฉพาะข้อมูลข่าวสารแต่มีอารมณ์ความรู้สึกและความพึงพอใจร่วมกัน จะช่วยสร้างสัมพันธภาพและความชื่นชอบในการสื่อสารซึ่งกันและกัน

-สร้างอิทธิพลต่อการมีทัศนคติร่วมกัน ความล้มเหลวในการสื่อสารบางครั้งเกิดจากความไม่เข้าใจในความคิดและทัศนคติของกันและกัน ดังนั้น การสร้างความเข้าใจร่วมกันจะทำให้สามารถดำเนินชีวิตอยู่ร่วมกันได้

-เพื่อยกระดับความสำคัญ ปัจจัยที่สำคัญที่สามารถส่งผลต่อความสำเร็จในการสื่อสารคือความรู้สึกที่ดีต่อกัน ดังนั้น การสื่อสารเพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกันจะช่วยให้การสื่อสารในครั้งต่อๆ ไปมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    การสื่อสารระหว่างบุคคลมีความสำคัญและมีประโยชน์หลายประการ แต่อย่างไรก็ตามมิใช่ว่าทุกคนจะชอบหรือรู้สึกดีต่อการสื่อสารในลักษณะเผชิญหน้า โดยเฉพาะคนที่ชอบเก็บตัวและขาดทักษะในการสร้างมนุษยสัมพันธ์ เมื่อจำเป็นต้องติดต่อสื่อสารกับผู้อื่น สื่ออิเล็กทรอนิกส์จึงเป็นทางเลือกลำดับต้นๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าและความรู้สึกกลัวการถูกจับผิด ถูกคุกคาม ทำให้ประหม่าและวิตกกังวล และเมื่อได้สื่อสารด้วยการเขียนข้อความ การพูดคุย การถามตอบ ผ่านสื่ออินเทอร์เน็ตเครือข่ายทางสังคม สื่ออิเล็กทรอนิกส์จึงมีบทบาทสำคัญต่อการสื่อสารรำหว่างบุคคล ดังนี้

                -แลกเปลี่ยนข้อมูล ทำให้การติดต่อสื่อสาร แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ความรู้ ความคิดเห็นระหว่างบุคคลเป็นไปอย่างสะดวก

                -ลดการเผชิญหน้า คลายความอึดอัดคับข้องใจ ความวิตกกังวล เมื่อต้องสื่อสารแบบเผชิญหน้ากับบุคคลที่ไม่คุ้นเคย

                -พัฒนาบุคลิกภาพในการสื่อสาร จากการเป็นคนเก็บตัวไม่ชอบสื่อสารกับใคร แต่เมื่อมีโอกาสได้สื่อสารผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ซึ่งผู้ส่งสารมีอิสระในการแสดงความรู้สึกนึกคิดมีช่วงเวลาสำหรับการทบทวน แสวงหาข้อมูล หรือไตร่ตรองก่อนสื่อสาร และการขยายเครือข่ายทางสังคม ย่อมเป็นการสร้างทรรศนะในเชิงบวกและช่วยทำให้ผู้สื่อสารเกิดความรู้สึกผ่อนคลาย มองเห็นว่าการสื่อสารระหว่างบุคคลไม่ใช่เรื่อวที่ต้องกังวล ในบางครั้งยังเป็นจุดเริ่มต้นของการเผชิญหน้าในครั้งต่อไป คลายความกังวลและกดดัน

                -ระมัดระวังการใช้ถ้อยคำ เนื่องจากลักษณะของภาษาเขียนที่เป็นลายลักษณ์อักษรย่อมเป็นหลักฐานที่อาจก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา หากมีการพูดหรือแสดงความคิดเห็นโดยปราศจากการพิจารณาไตร่ตรองความรอบคอบ จึงอาจกล่าวได้ว่าสื่ออิเล็กทรอนิกส์มีบทบาทต่อการพัฒนาการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารระหว่างบุคคลให้ดียิ่งขึ้น

                สื่ออิเล็กทรอนิกส์ช่วยทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เรียนรู้วัฒนธรรม เครือข่ายที่เชื่อมโยงกันทำหน้าที่เป็นสื่อที่ติดต่อผู้คน ชุมชน สังคมและวัฒนธรรมทุกมุมโลก แม้จะอยู่ต่างสถานที่กัน แต่สื่ออิเล็กทรอนิกส์ช่วยให้คนในแต่ละวัฒนธรรมมีโอกาสได้ติดต่อสัมพันธ์กันและทำให้เกิดการปรับความคิด ปรับมุมมอง และปรับพฤติกรรมในการสื่อสารให้เหมาะสมกับการสื่อสารข้ามวัฒนธรรม

๒)ด้านการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร การเผยแพร่ข้อมูลต่างๆ ไปยังผู้รับสารนั้นข้อมูลที่มีการเผยแพร่กันในปัจจุบัน ได้แก่

๒.๑)ข้อมูลประเภทข่าว ข่าวคือการรายงานเหตุการณ์ ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเผยแพร่สู่ประชาชนทั่วไปได้ทราบ โดยเริ่มจากการแสวงหาเหตุการณ์ข้อเท็จจริงที่เชื่อว่าประชาชนจะให้ความสนใจ นำมารวบรวมคัดเลือกและเผยแพร่สู่ประชาชนจะให้ความสนใจ นำมารวบรวมคัดเลือกและเผยแพร่สู่ประชาชน โดยมักจะเรียกชื่อข่าวตามเนื้อหาหลัก เช่น ข่าวการเมือง ข่าวกีฬา ข่าวอาชญากรรม ข่าวบันเทิง เป็นต้น การเสนอข่าวจะต้องเป็นไปเพื่อรายงานเหตุการณ์ ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นไม่แทรกความคิดเห็นใดๆ ลงไปในข่าว เช่น

๒.๒)ข้อมูลประเภทความรู้เชิงวิชาการและความรู้ทั่วไป สื่ออิเล็กทรอนิกส์มีบทบาทในการเผยแพร่ข้อมูลประเภทนี้เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง รวมถึงอยู่ในรูปของการเขียนแสดงความคิดเห็น การตั้งข้อมูลสังเกต สมมติฐานที่อ้างอิงความรู้ในศาสตร์สาขาใดสาขาหนึ่งประกอบ

เทคโนโลยีที่ทันสมัย ยังช่วยทำให้มนุษย์สามารถร่วมรับรู้ในเหตุการณ์เดียวกันได้มากขึ้น ยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่ประชาชนจำนวนมากร่วมรับรู้ไปพร้อมๆ กันในช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์สำคัญครั้งนี้ พระราชพิธีอภิเษกสมรสระหว่างเจ้าชายวิลเลียม และแคทเธอรีน มิดเดิลตัน

                         ๒.๓) ข้อมูลประเภทโฆษณาประชาสัมพันธ์ การประชาสัมพันธ์ (Public Relation) เป็นกระบวนการสื่อสารที่สร้างภาพจำที่ดี การสร้างความสัมพันธ์กับประชาชนขององค์กรต่างๆ นอกจากนี้ยังเป็นไปเพื่อป้องกันหรือแก้ไขความเข้าใจผิดอีกด้วย ส่วนการโฆษณา คือ การนำเสนอข่าวสาร ข้อมูล รายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ เช่น ผลิตภัณฑ์ สินค้าหรือบริการเพื่อชักชวน โน้มน้าวจิตใจให้ผู้รับสารเกิด

อารมณ์ความรู้สึกคล้อยตาม ปฏิบัติตามหรือสินค้าและบริการนั้นๆ นอกจากนี้ยังมีโฆษณาในลักษณะชวนเชื่อ (Propaganda) ได้แก่ การเสนอข่าวสารในเชิงชักชวน ปลุกระดม ชี้นำความคิด รวมไปถึงการโฆษณาสินค้า ซึ่งผู้รับสารต้องใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลประเภทนี้

                                นอกจากสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยส่วนใหญ่มีความจำเป็นต้องพึ่งพิงรายได้หลักจากโฆษณาสินค้าและบริการ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์เพื่อการโฆษณาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผู้รับสารจึงต้องรู้เท่าทันข้อมูลประเภทนี้

                                ๒.๔)ด้วยความบันเทิง สื่ออิเล็กทรอนิกส์มีบทบาทด้วยความบันเทิง โดนนำเสนอเรื่องราวที่ทำให้ผู้รับสารเกิดความเพลิดเพลิน สนุกสนาน ผ่อนคลายความตึงเครียดในชีวิตประจำวัน อีกทั้งยังเป็นความบันเทิงที่แสวงหา เข้าถึง และรับชมได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ตลอดเวลา เพียงแค่เชื่อมต่อสัญญาอินเทอร์เน็ต

๒.๕)ด้านงานราชการ ในปัจจุบัน หน่วยงานราชการเป็นหน่วยงานที่นำคอมพิวเตอร์มาใช้เพื่อให้บริการด้านต่างๆ ตามบทบาทและหน้าที่ของแต่ละหน่วยงาน เช่น กรมสรรพากร วางระบบบนเว็บไซต์สำหรับให้บริการคำนวณภาษี เสียภาษีแบะรายงานต่างๆ กระทรวงมหาดไทยใช้สำหรับจัดเก็บข้อมูลการแจ้งเกิด แจ้งตาย ย้ายที่อยู่ หรือทำบัตรประชาชน เป็นต้น

๒.๖)ด้านวิทยาศาสตร์และการแพทย์ นักวิทยาศาสตร์และแพทย์ได้แนะนำคอมพิวเตอร์มาช่วยในการศึกษา คำนวณ ค้นคว้าและวิจัย รวมทั้งจำลองสิ่งต่างๆ ในทางวิทยาศาสตร์ให้อยู่ในรูปแบบที่เข้าใจได้ง่ายขึ้น และสร้างผลงานทางวิทยาศาสตร์ใหม่ๆ เช่น จำลองรหัสพันธุกรรม การพยากรณ์อากาศ การเตือนแผ่นดินไหว เป็นต้น

๒.๗)ด้านโทรคมนาคม รถไฟ รถไฟฟ้า รถประจำทาง เครื่องบิน ได้นำคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้ในส่วนของการเดินทาง เช่น การสำรองที่นั่งออกบัตรโดยสาร การตรวจสอบตารางการเดินทาง เป็นต้น ซึ่งสามารถเชื่อมโยงไปยังสถานีต่างๆได้ ทำให้สะดวกและไม่เสียเวลาในการเดินทาง นอกจากนี้ยังใช้สำหรับการควบคุมระบบการจราจรทางบกและทางอากาศที่จะช่วยจัดระเบียบจราจรได้เป็นอย่างดี

๒.๘)ด้านธุรกิจ คอมพิวเตอร์ถูกนำมาใช้ในงานธุรกิจ ทั้งจัดทำเอกสารนำเสนองาน เช่น ห้างสรรพสินค้าใช้คอมพิวเตอร์ในการทำระบบบัญชีสำเร็จรูป เพื่อรายการซื้อและขายสินค้า การตรวจสอบยอดคงเหลือของสินค้า ธุรกิจออนไลน์รำคอมพิวเตอร์มาใช้ในรูปแบบของการซื้อขายสินค้าผ่านทางระบบอินเตอร์เน็ต (e-commerce) เป็นต้น

๒.๙)ด้านวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม วิศวและสถาปนิกได้นำคอมพิวเตอร์มาช่วยในการออกแบบ เขียนแบบจำลองโครงสร้างของงานต่างๆ โดยนำคอมพิวเตอร์มาช่วยในการออกแบบ เขียนแบบจำลองโครงสร้างของงานต่างๆ โดยนำคอมพิวเตอร์มาช่วยเรื่องการคำนวณที่มีความซับซ้อน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องและรวดเร็ว

๒. แนวทางการเขียนเพื่อผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

                สังคมในยุคที่ข้อมูลข่าวสารมีความสำคัญเพราะผู้ที่รู้หรือสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้รวดเร็วย่อมได้เปรียบในแง่ของการวางแผนและการตัดสินใจ สังคมในลักษณะที่ให้ความสำคัญกับสารสนเทศเช่นนี้มีส่วนสร้างสังคมแห่งเครือข่าย (network society) หรือสังคมที่ประหยัดเวลาและไม่วุ่นวายกับการจัดเตรียมสถานที่ในการสื่อสาร ทำให้เกิดลักษณะที่เรียกว่า “โลกไร้พรมแดน” หรือโลกยุคโลกาภิวัตน์ซึ่งมีการเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ทั่วโลกเข้าเป็นเครือข่ายที่เรียกว่า อินเทอร์เน็ต (internet) หมายถึงเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่มีการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายหลายๆเครือข่ายทั่วโลก โดยใช้ภาษาที่ใช้สื่อสารกันระหว่างคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า โพรโทคอล (Protocol) ผู้ใช่เครือข่ายนี้สามารถสื่อสารถึงกันได้ในหลายๆ ช่องทาง เช่น อีเมล เว็บบอร์ด เป็นต้น และสามารถสืบค้นข้อมูล ข่าวสารต่างๆ รวมทั้งคัดลอกแฟ้มข้อมูลและโปรแกรมมาใช้ได้ การประยุกต์ในอินเทอร์เน็ตในปัจจุบันทำได้หลากหลาย เช่น ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือ อีเมล (e-mail) สนทนา (chat) อ่านหรือแสดงความคิดเห็นในเว็บบอร์ด การติดตามข่าวสาร การสืบค้นข้อมูล การค้นหาข้อมูลการชมหรือซื้อสินค้าออนไลน์ การดาวน์โหลด เกม เพลง ไฟล์ข้อมูล เป็นต้น การติดตามข้อมูล ภาพยนตร์ รายการบันเทิงต่างๆ ออนไลน์ การเล่นเกมคอมพิวเตอร์ออนไลน์ การเรียนรู้ออนไลน์ (e-Learning) การประชุมทางไกลผ่านอินเทอร์เน็ต (Video Conference) โทรศัพท์ผ่านอินเตอร์เน็ต (VoIP) การอัพโหลดข้อมูลหรืออื่นๆ แนวโน้มล่าสุดของการใช้อินเทอร์เน็ต คือ การใช้อินเทอร์เน็ตเป็นแหล่งพบปะสังสรรค์เพื่อสร้างเครือข่ายสังคม เช่น เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ไฮไฟฟ์ และการใช้เริ่มมีการแพร่ขยายเข้าไปสู่การใช้อินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือ (Mobile Internent) มากขึ้น เนื่องจากเทคโนโลยีปัจจุบันสนับสนุนให้การเข้าถึงเครือข่ายผ่านโทรศัพท์มือถือทำได้ง่ายขึ้นมาก

                ดังนั้น ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตโดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กและเยาวชนต้องมีความรู้ คือรู้ทันผู้ส่งสารด้วยการตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อมูลจากหลายๆ ทางใช้วิจารณญาณก่อนที่จะเชื่อถือและควรตระหนักถึงภัยที่แอบแฝงมาในข้อความหรือข้อมูลที่ส่งต่อกัน นอกจากนี้เมื่อเป็นผู้ส่งข้อความถึงผู้อื่นควรคิดใคร่ครวญ เลือกสรรกลั่นกรองถ้อยคำภาษาที่จะใช้ให้ดีก่อนส่ง เพื่อไม่ให้ข้อความหรือข้อมูลที่เผยแพร่ออกไปนั้น กลายเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาการใช้สื่อสังคมปัจจุบัน

                การเขียนผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์จึงไม่แตกต่างจากงานเขียนประเภทอื่นในแง่ขององค์ประกอบในการเขียน กล่าวคือ มีส่วนเริ่มต้น ส่วนเนื้อหา และส่วนลงท้าย การใช้ภาษาเขียน ผู้เขียนต้องมีการใช้ภาษาทั้งในเรื่องของคำ การเรียบเรียงประโยค การเขียนย่อหน้า แม้การเขียนเพื่อสื่อสารกับคนคุ้นเคยอาจจะไม่ต้องเคร่งครัดเรื่องรูปแบบการเขียน แต่ยังคงต้องรักษาความถูกต้อง ชัดเจน เหมาะสมกับผู้รับสาร ตามหลักพื้นฐานของการเขียนเพื่อสื่อสาร

                การใช้ภาษาสำหรับการเขียนเพื่อการสื่อสารผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ในรูปแบบต่างๆ นั้น นอกจากผู้เขียนจะต้องมีความรู้ในเรื่องการใช้คำให้ตรงความหมายแล้ว ยังมีประเด็นที่ควรคำนึงถึงสำหรับการใช้ภาษาที่ดี ได้แก่

๑.)   ใช้คำให้เหมาะสมกับความนิยม ภาษาเป็นเรื่องของการสื่อสาร มีการใช้ มีการเปลี่ยนแปลง มีการสร้างใหม่ อยู่ตลอดเวลา การใช้คำให้เหมาะสมกับสมัยนิยมจึงเป็นเรื่องหนึ่งที่ควรคำนึงถึง คำสแลง ภาษาเฉพาะกิจ เฉพาะกาล อาจนิยมใช้ในช่วงหนึ่ง แต่อาจเสื่อมความนิยมและเลิกใช้ไปในที่สุด หากผู้เขียนปรารถนาให้ข้อเขียนของตนสามารถสื่อความได้ทั้งในและปัจจุบันและอนาคต ควรเลือกใช้ภาษาเขียนที่สื่อความอย่างชัดเจน

๒.)  กาลเทศะ หรือการใช้ภาษาเขียนให้เหมาะสมกับระดับของผู้รับสาร ภาษาไทยให้ความสำคัญกับระดับภาษาที่ใช้สื่อสารกับผู้ที่อยู่ในฐานะทางสังคมแตกต่างกัน ดังนั้น ควรศึกษาก่อนลงมือเขียนว่าควรใช้คำต่างๆ อย่างไรจึงจะเหมาะสม หากเป็นการเขียนที่ไม่เจาะจงผู้รับ การใช้ภาษาที่ดี ผู้เขียนควรคำนึงไว้เสมอว่ากำลังสื่อสารอยู่กับผู้ที่เหนือว่าซึ่งจะเชื่อมโยงไปถึงเรื่องของความสุภาพในการเขียน

๓.)  ความสุภาพ ผู้เขียนควรหลีกเลี่ยงการใช้ถ้อยคำหรือข้อความที่มีความหมายแผงหรือมีนัยทำให้ดีความได้ในแง่ลบ คำที่ผู้อ่านรู้สึกดูหมิ่น หรือไม่พอใจ ผู้เขียนที่ดีย่อมใช้ภาษาที่ให้เกียรติทั้งต่อผู้รับ ผู้ที่เอ่ยนามหรือพาดพิงถึง รวมไปถึงหน่วยงาน สถาบัน สถานที่ที่กล่าวอ้างหรือเกี่ยวข้องกับการเขียนนั้นๆ

๔.)  สื่อความตรงไปตรงมา แม้ว่าการเขียนผ่าส่วนใหญ่จะมีลักษณะเป็นการเขียนที่พยายามใช้ภาษาให้เหมือนการพูดมากที่สุด ถึงอย่างไรก็ตามไม่ควรใช้ภาษาพูดในการเขียนที่พยายามใช้ภาษาให้เหมือนการพูดมากที่สุด ถึงอย่างไรก็ตามไม่ควรใช้ภาษาพูดในการเขียนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องการสื่อสารกับบุคคลทั่วไปไม่เฉพาะเจาะจง ซึ่งไม่ทราบแน่ชัดว่าผู้อ่านเป็นใคร จึงควรยึดหลักในภาษาเขียนที่อ่านเข้าใจง่าย คำที่เป็นภาษาพูดซึ่งคนส่วนใหญ่มักเขียนปะปนและอาจหลงเข้าใจผิดว่าเป็นภาษาเขียน